โรมบทที่ 15
ทำดีต่อกันและกัน
ในตอนนี้เปาโลกำลังสรุปสิ่งที่ท่านได้กล่าวไปในข้อก่อนหน้านี้เกี่ยวกับคริสเตียนที่มีความเชื่ออ่อนแอ
และชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีความเชื่อเข้มแข็งกว่าควรมีทัศนคติอย่างไร
ยิ่งกว่านั้นเปาโลยังไดขยายประเด็นที่ท่านเน้นถึงออกไปอีก
ประเด็นของเปาโลตอนนี้คือการทำตามแบบอย่างของพระคริสต์ในการเสียสละตนเอง
คริสเตียนไม่ควรจะดูถูกหรือประนามคนอื่น
และไม่ควรจะเป็นอุปสรรคต่อการประพฤติของคริสเตียนคนอื่น
เมื่อคริสเตียนต้องจัดการกับพี่น้องคริสเตียนด้วยกัน
เขาต้องทำตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ และที่สำคัญคริสเตียนต้องทำดีต่อกันและกัน
โรม 15-1
ในข้อนี้เปาโลพูดถึงสิ่งที่จะทำให้คริสเตียนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขนั่นก็คือคริสเตียนที่มีความเชื่อเข้มแข็งจะต้องอดทนต่อคริสเตียนที่มีความเชื่ออ่อนแอกว่า
ผู้เชื่อที่เข้มแข็งต้องอดทนและช่วยเหลือผู้เชื่อที่อ่อนแอกว่า
แม้อาจจะหมายถึงภาระที่เขาจำเป็นต้องแบก
คนที่มีความเชื่อที่เข้มแข็งไม่ควรจะดูถูกคนที่มีความเชื่ออ่อนแอกว่า
แต่ควรจะอดทนต่อพวกเขา คนที่มีความเชื่อที่เข้มแข็งไม่ควรจะทำตามความพอใจของตนเอง
โรม 15-2
พี่น้องมีความเห็นว่ายังไงกับข้อนี้
การกระทำให้เพื่อนบ้านพอใจนั้นจะช่วยนำประโยชน์และการพัฒนามาให้พวกเขาได้ยังไง
จริงๆแล้วเพื่อนบ้านในที่นี้หมายถึงพี่น้องคริสเตียน
คริสเตียนที่เข้มแข็งต้องไม่ปฏิบัติต่อคนที่มีความเชื่ออ่อนแอกว่าตามความปราถนาของตนเอง
แต่ให้อดทนและเข้าใจพวกเขา และสิ่งนี้จะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในคริสตจักร
โรม 15-3
ในข้อนี้เปาโลอ้างอิงมาจากสดุดี
69-9 ที่พยากรณ์ถึงการที่พระเยซูคริสต์ทรงอดทนต่อการดูหมิ่นเยาะเย้ย
เพื่อเป็นที่พอพระทัยของพระบิดา พระองค์ไม่ได้ทำตามความพอใจของตนเอง
พระองค์เสด็จมาเพื่อกระทำตามพระทัยของพระบิดาผู้ทรงส่งพระองค์มา (ยน. 4-34)
และเพื่อทำให้พระบิดาพอพระทัย (ยน.5-30 / 8-29)
นี่คือแบบอย่างที่พระเยซูทรงวางแบบเอาไว้
ถือว่าความต้องการของคนอื่นต้องมาก่อน แทนที่จะทำตามพระทัยของพระองค์เอง
โรม 15-4
สิ่งที่เขียนใว้ในสมัยก่อนในที่นี้หมายถึงพระคำภีร์เดิม
เปาโลได้บอกถึงจุดประสงค์ของพระคำภีร์เดิมว่าเพื่อ สั่งสอน มีความหวังและความชูใจ
พระคำภีร์เดิมมีไว้เพื่อสั่งสอนเรื่องความเชื่อในพระเจ้าให้กับผู้เชื่อ
เปาดลบอกว่าคริสเตียนจะได้รับการหนุนใจจากสิ่งที่เขียนไว้ในพระคำภีร์
เมื่อคริสเตียนเรียนรู้จากอดีต หรือสิ่งที่เขียนไว้ในพระคำภีร์เดิมเกี่ยวกับผู้ที่ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง
เขาก็จะสมารถอดทนและได้รับการปลอบโยนในปัจจุบันและมีความหวังเมื่อมองไปในอนาคต
โรม 15-5-6-7
ข้อ5-6นั้นเป็นคำอวยพรของเปาโล
เปาโลอวยพรขอให้พระเจ้าประทานความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมายังคริสเตียนชาวโรม
เปาโลพูดถึงความเท่าเทียมกันระหว่างชาวยิวกับชาวต่างชาติ
สมาชิกจะต้องไม่ถือความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม
พวกเราทั้งหมดจะต้องต้อนรับกันและกัน การยอมรับกันและกันอย่างเสมอภาค
นี่เป็นคำสั่งที่สำคัญ
และเป็นคำสั่งที่เปาโลสั่งคริสเตียนที่มีความเชื่อเข้มแข็งให้ปฏิบัติตาม
ตัวอย่างการยอมรับคนอื่นคือการที่พระเยซูทรงยอมต้อนรับเรา
พระเยซูยอมรับผู้เชื่อ ขณะที่พวกเราอ่อนกำลัง
เป็นคนบาปและขณะที่เราเป็นศัตรูกับพระเจ้า คริสเตียนต้องยอมรับคนที่ไม่เหมือนตนเอง
พระเยซูยอมรับคริสเตียนเพื่อให้พวกเขาถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ซึ่งเป็นเป้าหมายของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคริสเตียน
โรม 15-8-9-10
เปาโลอ้างอิงข้อความนี้มาจากพระคำภีร์เดิมสองตอนเพื่ออธิบายถึงพระประสงค์ของพระเจ้าในเรื่องของข่าวประเสริฐไปถึงคนต่างชาติ
เป้าหมายประการแรก เพื่อดำรงค์พระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษของชาวยิว (8)
และเพื่อให้คนต่างชาติได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเมตตาของพระองค์ (9)
พระเจ้าทรงกระทำพันธกิจกับอิสราเอลไม่ใช่กับคนต่างชาติ
พระองค์ไม่มีพันธสัญญากับคนต่างชาติซึ่งจะต้องรักษา
พระพรฝ่ายวิญญาณที่คนต่างชาติได้รับมาจากพระเมตตาของพระองค์
อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงมีเป้าหมายที่จะอวยพรคนต่างชาติผ่านทางพระเยซูคริสต์ในฐานะพระเมสสิยาห์ของพวกเขา
และผ่านทางพันธสัญญาของพระองค์กับชนชาติอิสราเอล
เป้าหมายประการที่สอง
เพื่อให้ชนชาติทั้งหลายชื่นชมยินดีกับอิสราเอลชนชาติของพระเจ้า
เป้าหมายนี้จะสำเร็จในอนาคตเมื่ออิสราเอลได้รับการนำกลับไปสู่สภาพเดิมในฐานะศรีษะของบรรดาประชาชาติและเป็นท่อพระพรแก่ทุกคน
เนื้อความในข้อที่
10 คัดมาจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ 32-43
ในพระคัมภีร์ตอนนี้โมเสสได้เชิญชวนคนต่างชาติให้สรรเสริญพระเจ้าร่วมกับชนชาติของพระเจ้า
เช่นเดียวกันกับสิ่งที่ดาวิดทำ
ใน 2 ซามูเอล 22-50 ดาวิดได้รวบรวมคนต่างชาติเข้ามาไว้ในอาณาจักรของพระองค์
และนับพวกเขาไว้เป็นผู้ศืบเชื้อสายของพระเจ้าของอิสราเอล
ดาวิดจึงได้สรรเสริญพระเจ้าท่ามกลางคนต่างชาติ
การสรรเสริญของดาวิดสะท้อนออกมาในบทเพลงที่ท่านได้ร้องเพื่อถวายแด่พระเจ้า
โรม 15-11
ข้อความนี้มาจากหนังสือสดุดีบทที่
117-1 ซึ่งเป็นการเชิญชวนประชาชาติทั้งปวง
ซึ่งหมายถึงคนทั้งโลกให้สรรเสริญพระเจ้าของอิสราเอล
เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์สุจริตของพระองค์
โรม 15-12
ข้อความนี้มาจากอิสยาห์บทที่
11-10 อิสยาห์ได้พยากรณ์ไว้ว่าคนต่างชาติจะอยู่ภายใต้การปกครองของรากแห่งเจสซีและพวกเขาจะมีความหวังในพระองค์
พี่น้องอาจจะงงว่า
“รากแห่งเจสซี” คืออะไร
รากแห่งเจสซีนั้นเป็นการใช้ภาพของต้นไม่ที่แตกหน่อจากรากเพื่อเล็งถึงพระเมสสิยาห์ที่มาจากเชื้อสายของเจสซี
ซึ่งเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด
โรม 15-13
ดูเหมือนว่าเปาโลจะจบจดหมายของท่านลงในข้อนี้
เพราะเป็นคำอวยพรที่คล้ายๆกับในข้อที่ 33 ในบทนี้ รวมถึง 16-20 , 25, 27
ด้วยนะครับ เปาดลต้องการให้พระเจ้าทรงประทาน “ความชื่นชมยินดีและสันติสุข”
มายังผู้อ่านของท่าน และฤทธิ์อำนาจที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นเหตุให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จเพื่อประโยชน์แก่บรรดาบุตรของพระองค์
อย่างที่บอกว่าตั้งแต่นี้ต่อไปนั้นเป็นบทสรุปของหนังสือโรม
พูดง่ายๆก็คือใกล้จะจบจดหมายละ เปาโลลงท้ายจดหมายโรมยาวกว่าจดหมายฉบับอื่นๆของท่าน
เหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะเปาโลไม่เคยไปเนี่ยกรุ่งโรมและคริสตจักรนี้เลย ท่านต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้อ่านของท่าน
อีกสาเหตุหนึ่งก็คือเป็นเพราะท่านต้องการวางแผนที่จะไปเยี่ยมกรุงโรมในอนาคตด้วย
เปาโลพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงตัวเอง
เพราะท่านกำลังเขียนถึงคนที่ท่านไม่เคยพบหน้าเลย เมื่อท่านกำลังจะจบจดหมาย
ท่านรู้สึกว่าพระวิญญาณทรงนำให้ท่านพูดถึงปรัชญาในการทำพันธกิจของท่าน
โรม 15-14
ตั้งแต่ข้อที่
14 จนถึง 21 นั้นจะอธิบายเกี่ยวกับการประกาศ ในข้อที่ 14
นี้ดูเหมือนว่าเปาโลกำลังพูดยกย่องคริสเตียนที่กรุงโรม
แต่ความจริงเปาโลกำลังชี้ให้เห็นความบกพร่องบางอย่าง แต่ความบกพร่องเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ท่านรู้สึกว่าคริสตจักรกำลังเสื่อมหรือลดคุณค่าลง
เปาโลกำลังบอกว่าพวกเขาสามารถกระทำสิ่งนี้ได้โดยที่เปาโลหรือคนอื่นๆไม่ต้องให้ความช่วยเหลือ
ซึ่งก็คือ การตักเตือนซึ่งกันและกันให้จัดการกับความผิดที่เกิดขึ้นในชีวิต
เนื่องจากพวกเขามีจิตวิญญาณที่เติบโต
เปาโลจึงเชื่อว่าพวกเขาสามารถสอนซึ่งกันและกันได้
สำหรับคริสตจักรในยุคแรกนั้นคริสเตียนทุกคนเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า
เขาจึงเรียกกันว่า “พี่น้อง” (อธิบายถึงคำว่าพี่น้อง)
โดรม 15-15
เปาโลกำลังตำหนิหรือกล่าวโทษพวกเขาเหรอ
เปล่าเลย เพราะเปาโลตระหนักดีว่าท่านไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งคริสตจักรกรุงโรม
และบางทีท่านอาจจะไม่มีสิทธิที่จะพูดอะไรมากเหมือนกับคริสตจักรต่างๆที่ท่านได้ก่อตั้งขึ้น
ดังนั้นในจดหมายฉบับนี้จึงเป็นเหมือน “เครื่องเตือนใจ” นั่นเอง
เปาโลไม่ได้มองคริสเตียนที่กรุงโรมในแง่ลบ
ท่านมองว่าคริสเตียนที่กรุงโรมมีความรู้ฝ่ายวิญญาณและมีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ท่านจึงกล้าเขียนเตือนพวกเขาตรงๆ
เปาโลบอกว่าเหตุผลที่ท่านเขียนจดหมายถึงพวกเขาก็เพราะ
“ของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้า” ที่ท่านได้รับ
โรม 15-16
เพราะเหตุที่เปาโลได้ประกาศข่าวประเสริฐอย่างสัตยืซื่อแก่คนต่างชาติ
พวกเขาจึงกลายเป็น “ของถวาย” เปาโลไม่ได้ถวายสัตว์บูชาเหมือนพวกปุโรหิต
แต่ของถวายของท่านคือจิตวิญญาณของคนต่างชาติที่มาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์
ซึ่งเป็นสิ่งที่พอพระทัย และ ถูกชำระให้บริสุทธิ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
โรม 15-17
เปาโล “อวด” เฉพาะสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำในตัวท่าน
และในคนต่างชาติที่มาเชื่อผ่านทางท่าน นี่ไม่ใช่เป็นการอวดอ้างความสำเร็จของมนุษย์
แต่เป็นการอวดอ้างพระเจ้า
เปาโลภูมิใจที่ได้กระทำพระราชกิจของพระเจ้านั่นก็คือการประกาศข่าวประเสริฐ
โรม 15-18
เปาโลไม่ได้พูดถึงรายละเอียดในการรับใช้พระเจ้า
ท่านตระหนักว่าเกียรติทั้งสิ้นในงานรับใช้ของท่านนั้นควรจะเป็นของพระเยซูคริสต์
สิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำผ่านตัวท่านคือ “คำสอนและกิจการ”
หมายถึงสิ่งที่ท่านได้พูดและได้ทำเพื่อพระเจ้า (ถวายเกียรติแด่พระเจ้า –
พระเจ้าอวยพรกลับ)
โรม 15-19
หมายสำคัญและการอัศจรรย์
คือการอัศจรรย์ต่างๆที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อยืนยันสนับสนุนข่าวประเสริฐ (กจ.14-3 /
16-18 / 19-11-12) การอัศจรรย์เหล่านี้เป็นมาโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ยิ่งกว่านั้นใน 2 โครินธ์ 12-12 ยังชี้ให้เห็นว่า หมายสำคัญและการอัศจรรย์ เป็นเครื่องยืนยันงานของอัครทูต
คำว่า
“จนข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์อย่างถ้วนถี่”
ไม่ได้หมายความว่าท่านได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกคน
แต่ท่านเชื่อว่าท่านได้เสร็จสิ้นภารกิจการประกาศครอบคลุมทั่วแถบนั้นแล้ว
ท่านได้ประกาศตั้งแต่กรุงเยรูซาเล็มและไปรอบๆจนถึงเมืองอิลลีริคุม
เมืองอิลลีริคุมเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของชายฝั่งทะเลอะเดรียติค
ในพระธรรมกิจการและจดหมายฉบับอื่นๆของเปาโลไม่ได้กล่าวถึงเมืองนี้เลย
บริเวณนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ดาลมาเทีย ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในประเทศยูโกสลาเวีย
ห่างจากกรุงเยรูซเล็มราว 2,240 กม.
และทิตัสเองก็เคยเดินทางไปดาลมาเทียด้วยครั้งนึง (ใน 1 ทธ 4-10)
โรม 15-20
เปาโลเป็นนักบุกเบิกที่จะนำข่าวประเสริฐไปยังที่ใหม่ๆ
เป้าหมายของท่านก็คือไปยังดินแดนที่ยังไม่เคยมีใครได้ยินข่าวประเสริฐแห่งพระคุณพระเจ้า
และก็จะไม่ไปประกาศในที่ที่เคยประกาศแล้ว เพื่อจะไม่ทำงานซ้ำซ้อนกัน
โรม 15-21
เปาโลเห็นแผนการของพระเจ้าเกี่ยวกับการประกาศข่าวประเสริฐไปยังสุดปลายแผ่นดินโลก
เปาโลบอกว่าแม้คนเหล่านั้นจะอยู่ไกลเพียงใด ข่าวประเสริฐของพระเจ้าก็จะไปถึงเขา
พวกเขาจะได้เห็นในสิ่งที่ตนเองไม่เคยเห็น และเมื่อเขาฟังเขาก็จะเข้าใจ
แผนการในอนาคต (22
– 29)
โรม 15-22-23
ในประโยคนี้แปลตรงตัวว่า
ข้าพเจ้าถูกขัดขวางหลายครั้ง (รม. 1-13)
เปาโลค้นพบดินแดนใหม่ที่จะทำพันธกิจในเอเชียน้อยและแหลมกรีซ
คำว่า
“ข้าพเจ้าไม่มีกิจที่จะต้องอยู่ในแว่นแคว้นเหล่านี้ต่อไป” หมายถึงไม่มีหน้าที่ในแคว้นเหล่านี้อีกแล้ว
บางทีการเดินทางไปยังอิลลีริคุมอาจจะทำให้เปาโลตระหนักว่าในเอเชียน้อยและแหลมกรีซไม่มีอาณาบริเวณใดที่ยังไม่เคยได้ยินพระกิตติคุณ
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าท่านเดินทางไปทุกเมืองแล้ว แต่ในเมืองใหญๆในดินแดนเหล่านั้นท่านได้ประกาศพระกิตติคุณและมีคริสตจักรท้องถิ่นซึ่งสามารถทำพันธกิจให้สำเร็จได้
โรม 15-24
อย่างที่รู้กันว่าเปาโลนั้นมีแผนการที่จะไปเยี่ยมกรุงโรมแต่เปาโลก็ไม่ได้มีแผนที่จะอยู่ในกรุงโรมเป็นเวลานาน
เพราะเป้าหมายของท่านคือประเทศสเปน ท่านต้องการที่จะพักอยู่ที่กรุงโรมเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น
และคาดหวังว่าจะแวะเยี่ยมพวกเขาอีกในขากลับจากสเปน
ประเทศสเปนนั้นเป็นที่สุดปลายแผ่นดินโลกตามความคิดของคนในยุคนั้น
ขณะนั้นสเปนเป็นอาณานิคมของโรมซึ่งมีคนยิวอาศัยอยู่มากมาย
พี่น้องอาจจะเห็นคำว่า
“ความบันเทิง” ในข้อ 24 นี้หมายถึง การได้ใช้เวลาร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสเตียนนั่นเอง
ไม่ใช่ความบันเทิงอย่างอื่น
โรม 15-25-26
การเดินทางไปประเทศสเปนโดยแวะที่กรุงโรมเป็นแผนการในอนาคตของเปาโล
แต่แผนการในขณะนี้ของเปาโลคือออกจากเมืองโครินธ์เพื่อเดินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็ม “เพื่อช่วยสงเคราะห์ธรรมิกชน”
เปาโลจะนำเงินถวายจากคริสตจักรต่างๆในแคว้นมาซิโดเนียและอาคายาไปให้แก่ธรรมิกชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในกรุงเยรูซาเล็มเนื่องจากการกันดารอาหาร
อันที่จริงคริสตจักรในเอเชียน้อยก็ช่วยบริจาคเงินด้วย
แต่เปาโลพูดถึงแค่คริสตจักรในมาซิโดเนียกับอาคายาเท่านั้นเพราะทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้กรุงโรม
อีกจุดประสงค์หนึ่งของเปาดลในการนำเงินเรี่ยไรจากคริสตจักรต่างๆเหล่านี้มาช่วยเหลือพี่น้องคริสเตียนในกรุงเยรูซาเล็มก็เพื่อเชื่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างคริสเตียนต่างชาติกับคริสเตียนชาวยิวนั่นเอง
โรม 15-27
การพร้อมที่จะช่วยเหลือด้านเงินทองหรือสิ่งของหรือด้านไหนก็ตามแก่คนที่เดือดร้อนเป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรทำอย่างยิ่ง
เปาโลเน้นโดยกล่าวหลายครั้งว่าคริสเตียนเหล่านั้นพอใจที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างสมัครใจ
ในขณะเดียวกันเปาโลก็เห็นว่าคริสตจักรมีหน้าที่ต้องทำเช่นนั้น
โรม 15-28
เปาโลกล่าวอีกครั้งนึงว่า
หลังจากที่เดินทางไปกรุงเยรูซาเล็มแล้วท่านก็จะเดินทางไปสเปนและแวะเยี่ยมพวกคริสเตียนในโรมระหว่างทางไปที่สเปน
โรม 15-29
เปาโลมั่นใจว่าการเดินทางไปโรมจะเป็นพระพรทั้งต่อตัวท่านเองและต่อผู้เชื่อที่นั่นด้วย
ตามธรรมเนียมของคริสตจักรสมัยแรกจะรวมถึงความยินดีในการประชุม การพูดคุย
การเทศนาของท่านต่อพี่น้อง
การฟังรายงานของอัครทูตเกี่ยวกับพระพรในกลุ่มคริสเตียนอื่นๆและแผนการเดินทางไปประเทศสเปน
อย่างไรก็ตาม
การเดินทางมาถึงกรุงโรมของเปาโลไม่ได้มาในสภาพที่ปกติ
เพราะท่านมายังกรุงโรมในฐานะของนักโทษ
แต่กระนั้นท่านก็ยังเป็นพระพรและคริสตจักรที่นั่นก็ยังได้รับพระพรเพราะการมาถึงของท่านด้วย
กระทำดีต่อกันและกัน
(30-33)
โรม 15-30
เมื่อเปาโลวิงวอนพี่น้องคริสเตียนที่กรุงโรมให้อธิษฐานเพื่อท่าน
เปาโลกำลังบอกว่าท่านต้องการให้คริสเตียนที่กรุงโรมเข้ามามีส่วนร่วมกับท่านในการประกาศข่าวประเสริฐ
และท่านกระตุ้นให้พวกเขาเข้าร่วมในสงครามฝ่ายวิญญาณกับท่าน
ไม่ว่าจะโดยการอธิษฐานหรือการสนับสนุน
เปาโลดีใจอย่างยิ่งในการเดินทางครั้งนี้
ท่านภูมิใจในข่าวประเสริฐที่อยู่ในชีวิตของผู้เชื่อจำนวนมาก
แต่ท่านก็มีความถ่อมใจพอที่จะตระหนักว่าการเดินทางไปโรมหรือสเปนจะเป็นจริงได้ก็โดยฤทธิ์เดชและการจัดเตรียมของพระเจ้าเท่านั้น
เปาโลต้องการคำอธิษฐานจากพี่น้องคริสเตียนที่กรุงโรม
เพราะท่านตระหนักถึงอันตรายที่ท่านอาจจะประสบในการเดินทางและท่านก็ไม่เคยลืมว่าก่อนหน้านี้พวกยิวหาทางที่จะฆ่าท่าน (กจ.9-29-30)
เมื่อคริสเตียนตระหนักถึงความรักของพระเจ้าแล้ว
พวกเขาก็จะมีแรงจูงใจในการอธิษฐานและการอธิษฐานของคริสเตียนก็เป็นช่องทางในการที่จะร่วมพันธกิจกับผู้อื่นนั่นเอง
โรม 15-31
เปาโลต้องการให้คริสเตียนในกรุงโรมอธิษฐานเผื่อท่านสองเรื่อง
เรื่อแรกคือ “ให้พ้นจากมือของคนในประเทศยูเดียที่ไม่เชื่อ”
เปาดลขอให้คริสเตียนในกรุงโรมอธิษฐานต่อพระเจ้าขอให้ท่านปลอดภัยจากพวกยิวในแคว้นยูเดียที่เป็นศัตรูต่อข่าวประเสริฐ
(กจ. 21-10-11 / 23-14)
อย่างที่สองคือ
ให้คริสตจักรในกรุงโรมอธิษฐานให้การปรนนิบัติรับใช้ของเปาโลในกรุงเยรูซาเล็มจะ
“เป็นที่พอใจแก่ธรรมิกชน”
เปาโลต้องการให้เงินเรี่ยไรจากคริสตจักรต่างๆถูกจัดสรรอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องคริสเตียนที่กรุงเยรูซาเล็ม
คำว่า
“เป็นที่พอใจ” หมายถึงเป็นที่ยอมรับของพี่น้องคริสเตียนที่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยิว
เพราะชาวยิวอาจจะตะขิดตะขวงใจที่จะรับเงินบริจาคของคนต่างชาติเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์
ยิ่งกว่านั้นครั้งนี้เปาดลได้พาคริสเตียนต่างชาติซึ่งเป็นตัวแทนของคริสตจักรต่างๆร่วมเดินทางมากับท่านเพื่อมอบเงินบริจาคให้กับคริสเตียนที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย
(1 คร 16-1-6 / กจ. 20-4)
โรม 15-32-33
ถ้าเป้าหมายในการเดินทางไปรับใช้พระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็มสำเร็จท่านก็จะไปหาพวกเขาตามชอบพระทัยพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดีและมีความเบิกบานแจ่มใส
เปาโลปิดท้ายพระธรรมตอนนี้ด้วยคำสรรเสริญพระเจ้าสั้นๆว่า
ขอพระเจ้าแห่งสันติสุขจงสถิตอยู่กับผู้ที่เปาโลเขียนจดหมายไปถึง
แม้ว่าชีวิตของเปาโลจะเต็มไปด้วยความทุกขืยาก
แต่ท่านตระหนักถึงสันติสุขที่มาจากพระเจ้า
และท่านปราถนาให้ผู้ที่อ่านจดหมายของท่านได้ประสบกับสันติสุขดังกล่าวด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น