วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Romans 15


                โรมบทที่ 15 ทำดีต่อกันและกัน

                ในตอนนี้เปาโลกำลังสรุปสิ่งที่ท่านได้กล่าวไปในข้อก่อนหน้านี้เกี่ยวกับคริสเตียนที่มีความเชื่ออ่อนแอ และชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีความเชื่อเข้มแข็งกว่าควรมีทัศนคติอย่างไร ยิ่งกว่านั้นเปาโลยังไดขยายประเด็นที่ท่านเน้นถึงออกไปอีก
                ประเด็นของเปาโลตอนนี้คือการทำตามแบบอย่างของพระคริสต์ในการเสียสละตนเอง คริสเตียนไม่ควรจะดูถูกหรือประนามคนอื่น และไม่ควรจะเป็นอุปสรรคต่อการประพฤติของคริสเตียนคนอื่น เมื่อคริสเตียนต้องจัดการกับพี่น้องคริสเตียนด้วยกัน เขาต้องทำตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ และที่สำคัญคริสเตียนต้องทำดีต่อกันและกัน

                โรม 15-1
                ในข้อนี้เปาโลพูดถึงสิ่งที่จะทำให้คริสเตียนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขนั่นก็คือคริสเตียนที่มีความเชื่อเข้มแข็งจะต้องอดทนต่อคริสเตียนที่มีความเชื่ออ่อนแอกว่า
                ผู้เชื่อที่เข้มแข็งต้องอดทนและช่วยเหลือผู้เชื่อที่อ่อนแอกว่า แม้อาจจะหมายถึงภาระที่เขาจำเป็นต้องแบก คนที่มีความเชื่อที่เข้มแข็งไม่ควรจะดูถูกคนที่มีความเชื่ออ่อนแอกว่า แต่ควรจะอดทนต่อพวกเขา คนที่มีความเชื่อที่เข้มแข็งไม่ควรจะทำตามความพอใจของตนเอง

                โรม 15-2
                พี่น้องมีความเห็นว่ายังไงกับข้อนี้ การกระทำให้เพื่อนบ้านพอใจนั้นจะช่วยนำประโยชน์และการพัฒนามาให้พวกเขาได้ยังไง
                จริงๆแล้วเพื่อนบ้านในที่นี้หมายถึงพี่น้องคริสเตียน คริสเตียนที่เข้มแข็งต้องไม่ปฏิบัติต่อคนที่มีความเชื่ออ่อนแอกว่าตามความปราถนาของตนเอง แต่ให้อดทนและเข้าใจพวกเขา และสิ่งนี้จะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในคริสตจักร

                โรม 15-3
                ในข้อนี้เปาโลอ้างอิงมาจากสดุดี 69-9 ที่พยากรณ์ถึงการที่พระเยซูคริสต์ทรงอดทนต่อการดูหมิ่นเยาะเย้ย เพื่อเป็นที่พอพระทัยของพระบิดา พระองค์ไม่ได้ทำตามความพอใจของตนเอง พระองค์เสด็จมาเพื่อกระทำตามพระทัยของพระบิดาผู้ทรงส่งพระองค์มา (ยน. 4-34) และเพื่อทำให้พระบิดาพอพระทัย (ยน.5-30 / 8-29)
                นี่คือแบบอย่างที่พระเยซูทรงวางแบบเอาไว้ ถือว่าความต้องการของคนอื่นต้องมาก่อน แทนที่จะทำตามพระทัยของพระองค์เอง
                โรม 15-4
                สิ่งที่เขียนใว้ในสมัยก่อนในที่นี้หมายถึงพระคำภีร์เดิม เปาโลได้บอกถึงจุดประสงค์ของพระคำภีร์เดิมว่าเพื่อ สั่งสอน มีความหวังและความชูใจ
                พระคำภีร์เดิมมีไว้เพื่อสั่งสอนเรื่องความเชื่อในพระเจ้าให้กับผู้เชื่อ เปาดลบอกว่าคริสเตียนจะได้รับการหนุนใจจากสิ่งที่เขียนไว้ในพระคำภีร์ เมื่อคริสเตียนเรียนรู้จากอดีต หรือสิ่งที่เขียนไว้ในพระคำภีร์เดิมเกี่ยวกับผู้ที่ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง เขาก็จะสมารถอดทนและได้รับการปลอบโยนในปัจจุบันและมีความหวังเมื่อมองไปในอนาคต

                โรม 15-5-6-7
                ข้อ5-6นั้นเป็นคำอวยพรของเปาโล เปาโลอวยพรขอให้พระเจ้าประทานความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมายังคริสเตียนชาวโรม
                เปาโลพูดถึงความเท่าเทียมกันระหว่างชาวยิวกับชาวต่างชาติ สมาชิกจะต้องไม่ถือความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม พวกเราทั้งหมดจะต้องต้อนรับกันและกัน การยอมรับกันและกันอย่างเสมอภาค นี่เป็นคำสั่งที่สำคัญ และเป็นคำสั่งที่เปาโลสั่งคริสเตียนที่มีความเชื่อเข้มแข็งให้ปฏิบัติตาม
                ตัวอย่างการยอมรับคนอื่นคือการที่พระเยซูทรงยอมต้อนรับเรา พระเยซูยอมรับผู้เชื่อ ขณะที่พวกเราอ่อนกำลัง เป็นคนบาปและขณะที่เราเป็นศัตรูกับพระเจ้า คริสเตียนต้องยอมรับคนที่ไม่เหมือนตนเอง พระเยซูยอมรับคริสเตียนเพื่อให้พวกเขาถวายเกียรติแด่พระเจ้า ซึ่งเป็นเป้าหมายของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคริสเตียน

                โรม 15-8-9-10
                เปาโลอ้างอิงข้อความนี้มาจากพระคำภีร์เดิมสองตอนเพื่ออธิบายถึงพระประสงค์ของพระเจ้าในเรื่องของข่าวประเสริฐไปถึงคนต่างชาติ เป้าหมายประการแรก เพื่อดำรงค์พระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษของชาวยิว (8) และเพื่อให้คนต่างชาติได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเมตตาของพระองค์ (9) พระเจ้าทรงกระทำพันธกิจกับอิสราเอลไม่ใช่กับคนต่างชาติ พระองค์ไม่มีพันธสัญญากับคนต่างชาติซึ่งจะต้องรักษา พระพรฝ่ายวิญญาณที่คนต่างชาติได้รับมาจากพระเมตตาของพระองค์
                อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงมีเป้าหมายที่จะอวยพรคนต่างชาติผ่านทางพระเยซูคริสต์ในฐานะพระเมสสิยาห์ของพวกเขา และผ่านทางพันธสัญญาของพระองค์กับชนชาติอิสราเอล
                เป้าหมายประการที่สอง เพื่อให้ชนชาติทั้งหลายชื่นชมยินดีกับอิสราเอลชนชาติของพระเจ้า เป้าหมายนี้จะสำเร็จในอนาคตเมื่ออิสราเอลได้รับการนำกลับไปสู่สภาพเดิมในฐานะศรีษะของบรรดาประชาชาติและเป็นท่อพระพรแก่ทุกคน
                เนื้อความในข้อที่ 10 คัดมาจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ 32-43 ในพระคัมภีร์ตอนนี้โมเสสได้เชิญชวนคนต่างชาติให้สรรเสริญพระเจ้าร่วมกับชนชาติของพระเจ้า
                เช่นเดียวกันกับสิ่งที่ดาวิดทำ ใน 2 ซามูเอล 22-50 ดาวิดได้รวบรวมคนต่างชาติเข้ามาไว้ในอาณาจักรของพระองค์ และนับพวกเขาไว้เป็นผู้ศืบเชื้อสายของพระเจ้าของอิสราเอล ดาวิดจึงได้สรรเสริญพระเจ้าท่ามกลางคนต่างชาติ การสรรเสริญของดาวิดสะท้อนออกมาในบทเพลงที่ท่านได้ร้องเพื่อถวายแด่พระเจ้า

                โรม 15-11
                ข้อความนี้มาจากหนังสือสดุดีบทที่ 117-1 ซึ่งเป็นการเชิญชวนประชาชาติทั้งปวง ซึ่งหมายถึงคนทั้งโลกให้สรรเสริญพระเจ้าของอิสราเอล เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์สุจริตของพระองค์

                โรม 15-12
                ข้อความนี้มาจากอิสยาห์บทที่ 11-10 อิสยาห์ได้พยากรณ์ไว้ว่าคนต่างชาติจะอยู่ภายใต้การปกครองของรากแห่งเจสซีและพวกเขาจะมีความหวังในพระองค์
                พี่น้องอาจจะงงว่า “รากแห่งเจสซี” คืออะไร รากแห่งเจสซีนั้นเป็นการใช้ภาพของต้นไม่ที่แตกหน่อจากรากเพื่อเล็งถึงพระเมสสิยาห์ที่มาจากเชื้อสายของเจสซี ซึ่งเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด

                โรม 15-13
                ดูเหมือนว่าเปาโลจะจบจดหมายของท่านลงในข้อนี้ เพราะเป็นคำอวยพรที่คล้ายๆกับในข้อที่ 33 ในบทนี้ รวมถึง 16-20 , 25, 27 ด้วยนะครับ เปาดลต้องการให้พระเจ้าทรงประทาน “ความชื่นชมยินดีและสันติสุข” มายังผู้อ่านของท่าน และฤทธิ์อำนาจที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นเหตุให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จเพื่อประโยชน์แก่บรรดาบุตรของพระองค์
อย่างที่บอกว่าตั้งแต่นี้ต่อไปนั้นเป็นบทสรุปของหนังสือโรม พูดง่ายๆก็คือใกล้จะจบจดหมายละ เปาโลลงท้ายจดหมายโรมยาวกว่าจดหมายฉบับอื่นๆของท่าน เหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะเปาโลไม่เคยไปเนี่ยกรุ่งโรมและคริสตจักรนี้เลย ท่านต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้อ่านของท่าน อีกสาเหตุหนึ่งก็คือเป็นเพราะท่านต้องการวางแผนที่จะไปเยี่ยมกรุงโรมในอนาคตด้วย
                เปาโลพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงตัวเอง เพราะท่านกำลังเขียนถึงคนที่ท่านไม่เคยพบหน้าเลย เมื่อท่านกำลังจะจบจดหมาย ท่านรู้สึกว่าพระวิญญาณทรงนำให้ท่านพูดถึงปรัชญาในการทำพันธกิจของท่าน

                โรม 15-14
                ตั้งแต่ข้อที่ 14 จนถึง 21 นั้นจะอธิบายเกี่ยวกับการประกาศ ในข้อที่ 14 นี้ดูเหมือนว่าเปาโลกำลังพูดยกย่องคริสเตียนที่กรุงโรม แต่ความจริงเปาโลกำลังชี้ให้เห็นความบกพร่องบางอย่าง แต่ความบกพร่องเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ท่านรู้สึกว่าคริสตจักรกำลังเสื่อมหรือลดคุณค่าลง
                เปาโลกำลังบอกว่าพวกเขาสามารถกระทำสิ่งนี้ได้โดยที่เปาโลหรือคนอื่นๆไม่ต้องให้ความช่วยเหลือ ซึ่งก็คือ การตักเตือนซึ่งกันและกันให้จัดการกับความผิดที่เกิดขึ้นในชีวิต เนื่องจากพวกเขามีจิตวิญญาณที่เติบโต เปาโลจึงเชื่อว่าพวกเขาสามารถสอนซึ่งกันและกันได้
                สำหรับคริสตจักรในยุคแรกนั้นคริสเตียนทุกคนเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า เขาจึงเรียกกันว่า “พี่น้อง” (อธิบายถึงคำว่าพี่น้อง)

                โดรม 15-15
                เปาโลกำลังตำหนิหรือกล่าวโทษพวกเขาเหรอ เปล่าเลย เพราะเปาโลตระหนักดีว่าท่านไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งคริสตจักรกรุงโรม และบางทีท่านอาจจะไม่มีสิทธิที่จะพูดอะไรมากเหมือนกับคริสตจักรต่างๆที่ท่านได้ก่อตั้งขึ้น ดังนั้นในจดหมายฉบับนี้จึงเป็นเหมือน “เครื่องเตือนใจ” นั่นเอง
                เปาโลไม่ได้มองคริสเตียนที่กรุงโรมในแง่ลบ ท่านมองว่าคริสเตียนที่กรุงโรมมีความรู้ฝ่ายวิญญาณและมีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านจึงกล้าเขียนเตือนพวกเขาตรงๆ
                เปาโลบอกว่าเหตุผลที่ท่านเขียนจดหมายถึงพวกเขาก็เพราะ “ของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้า” ที่ท่านได้รับ

                โรม 15-16
                เพราะเหตุที่เปาโลได้ประกาศข่าวประเสริฐอย่างสัตยืซื่อแก่คนต่างชาติ พวกเขาจึงกลายเป็น “ของถวาย” เปาโลไม่ได้ถวายสัตว์บูชาเหมือนพวกปุโรหิต แต่ของถวายของท่านคือจิตวิญญาณของคนต่างชาติที่มาเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พอพระทัย และ ถูกชำระให้บริสุทธิ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

                โรม 15-17
                เปาโล “อวด” เฉพาะสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำในตัวท่าน และในคนต่างชาติที่มาเชื่อผ่านทางท่าน นี่ไม่ใช่เป็นการอวดอ้างความสำเร็จของมนุษย์ แต่เป็นการอวดอ้างพระเจ้า เปาโลภูมิใจที่ได้กระทำพระราชกิจของพระเจ้านั่นก็คือการประกาศข่าวประเสริฐ

                โรม 15-18
                เปาโลไม่ได้พูดถึงรายละเอียดในการรับใช้พระเจ้า ท่านตระหนักว่าเกียรติทั้งสิ้นในงานรับใช้ของท่านนั้นควรจะเป็นของพระเยซูคริสต์ สิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำผ่านตัวท่านคือ “คำสอนและกิจการ” หมายถึงสิ่งที่ท่านได้พูดและได้ทำเพื่อพระเจ้า (ถวายเกียรติแด่พระเจ้า – พระเจ้าอวยพรกลับ)

                โรม 15-19
                หมายสำคัญและการอัศจรรย์ คือการอัศจรรย์ต่างๆที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อยืนยันสนับสนุนข่าวประเสริฐ (กจ.14-3 / 16-18 / 19-11-12) การอัศจรรย์เหล่านี้เป็นมาโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยิ่งกว่านั้นใน 2 โครินธ์ 12-12 ยังชี้ให้เห็นว่า หมายสำคัญและการอัศจรรย์ เป็นเครื่องยืนยันงานของอัครทูต
                คำว่า “จนข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์อย่างถ้วนถี่” ไม่ได้หมายความว่าท่านได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกคน แต่ท่านเชื่อว่าท่านได้เสร็จสิ้นภารกิจการประกาศครอบคลุมทั่วแถบนั้นแล้ว
                ท่านได้ประกาศตั้งแต่กรุงเยรูซาเล็มและไปรอบๆจนถึงเมืองอิลลีริคุม เมืองอิลลีริคุมเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของชายฝั่งทะเลอะเดรียติค ในพระธรรมกิจการและจดหมายฉบับอื่นๆของเปาโลไม่ได้กล่าวถึงเมืองนี้เลย บริเวณนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ดาลมาเทีย ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในประเทศยูโกสลาเวีย ห่างจากกรุงเยรูซเล็มราว 2,240 กม. และทิตัสเองก็เคยเดินทางไปดาลมาเทียด้วยครั้งนึง (ใน 1 ทธ 4-10)

                โรม 15-20
                เปาโลเป็นนักบุกเบิกที่จะนำข่าวประเสริฐไปยังที่ใหม่ๆ เป้าหมายของท่านก็คือไปยังดินแดนที่ยังไม่เคยมีใครได้ยินข่าวประเสริฐแห่งพระคุณพระเจ้า และก็จะไม่ไปประกาศในที่ที่เคยประกาศแล้ว เพื่อจะไม่ทำงานซ้ำซ้อนกัน

                โรม 15-21
                เปาโลเห็นแผนการของพระเจ้าเกี่ยวกับการประกาศข่าวประเสริฐไปยังสุดปลายแผ่นดินโลก เปาโลบอกว่าแม้คนเหล่านั้นจะอยู่ไกลเพียงใด ข่าวประเสริฐของพระเจ้าก็จะไปถึงเขา พวกเขาจะได้เห็นในสิ่งที่ตนเองไม่เคยเห็น และเมื่อเขาฟังเขาก็จะเข้าใจ

                แผนการในอนาคต (22 – 29)

                โรม 15-22-23
                ในประโยคนี้แปลตรงตัวว่า ข้าพเจ้าถูกขัดขวางหลายครั้ง (รม. 1-13) เปาโลค้นพบดินแดนใหม่ที่จะทำพันธกิจในเอเชียน้อยและแหลมกรีซ
                คำว่า “ข้าพเจ้าไม่มีกิจที่จะต้องอยู่ในแว่นแคว้นเหล่านี้ต่อไป” หมายถึงไม่มีหน้าที่ในแคว้นเหล่านี้อีกแล้ว บางทีการเดินทางไปยังอิลลีริคุมอาจจะทำให้เปาโลตระหนักว่าในเอเชียน้อยและแหลมกรีซไม่มีอาณาบริเวณใดที่ยังไม่เคยได้ยินพระกิตติคุณ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าท่านเดินทางไปทุกเมืองแล้ว แต่ในเมืองใหญๆในดินแดนเหล่านั้นท่านได้ประกาศพระกิตติคุณและมีคริสตจักรท้องถิ่นซึ่งสามารถทำพันธกิจให้สำเร็จได้

                โรม 15-24
                อย่างที่รู้กันว่าเปาโลนั้นมีแผนการที่จะไปเยี่ยมกรุงโรมแต่เปาโลก็ไม่ได้มีแผนที่จะอยู่ในกรุงโรมเป็นเวลานาน เพราะเป้าหมายของท่านคือประเทศสเปน ท่านต้องการที่จะพักอยู่ที่กรุงโรมเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น และคาดหวังว่าจะแวะเยี่ยมพวกเขาอีกในขากลับจากสเปน
                ประเทศสเปนนั้นเป็นที่สุดปลายแผ่นดินโลกตามความคิดของคนในยุคนั้น ขณะนั้นสเปนเป็นอาณานิคมของโรมซึ่งมีคนยิวอาศัยอยู่มากมาย
                พี่น้องอาจจะเห็นคำว่า “ความบันเทิง” ในข้อ 24 นี้หมายถึง การได้ใช้เวลาร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสเตียนนั่นเอง ไม่ใช่ความบันเทิงอย่างอื่น

                โรม 15-25-26
                การเดินทางไปประเทศสเปนโดยแวะที่กรุงโรมเป็นแผนการในอนาคตของเปาโล แต่แผนการในขณะนี้ของเปาโลคือออกจากเมืองโครินธ์เพื่อเดินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็ม “เพื่อช่วยสงเคราะห์ธรรมิกชน” เปาโลจะนำเงินถวายจากคริสตจักรต่างๆในแคว้นมาซิโดเนียและอาคายาไปให้แก่ธรรมิกชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในกรุงเยรูซาเล็มเนื่องจากการกันดารอาหาร
                อันที่จริงคริสตจักรในเอเชียน้อยก็ช่วยบริจาคเงินด้วย แต่เปาโลพูดถึงแค่คริสตจักรในมาซิโดเนียกับอาคายาเท่านั้นเพราะทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้กรุงโรม
                อีกจุดประสงค์หนึ่งของเปาดลในการนำเงินเรี่ยไรจากคริสตจักรต่างๆเหล่านี้มาช่วยเหลือพี่น้องคริสเตียนในกรุงเยรูซาเล็มก็เพื่อเชื่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างคริสเตียนต่างชาติกับคริสเตียนชาวยิวนั่นเอง

                โรม 15-27
                การพร้อมที่จะช่วยเหลือด้านเงินทองหรือสิ่งของหรือด้านไหนก็ตามแก่คนที่เดือดร้อนเป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรทำอย่างยิ่ง เปาโลเน้นโดยกล่าวหลายครั้งว่าคริสเตียนเหล่านั้นพอใจที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างสมัครใจ ในขณะเดียวกันเปาโลก็เห็นว่าคริสตจักรมีหน้าที่ต้องทำเช่นนั้น

                โรม 15-28
                เปาโลกล่าวอีกครั้งนึงว่า หลังจากที่เดินทางไปกรุงเยรูซาเล็มแล้วท่านก็จะเดินทางไปสเปนและแวะเยี่ยมพวกคริสเตียนในโรมระหว่างทางไปที่สเปน

                โรม 15-29
                เปาโลมั่นใจว่าการเดินทางไปโรมจะเป็นพระพรทั้งต่อตัวท่านเองและต่อผู้เชื่อที่นั่นด้วย ตามธรรมเนียมของคริสตจักรสมัยแรกจะรวมถึงความยินดีในการประชุม การพูดคุย การเทศนาของท่านต่อพี่น้อง การฟังรายงานของอัครทูตเกี่ยวกับพระพรในกลุ่มคริสเตียนอื่นๆและแผนการเดินทางไปประเทศสเปน
                อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาถึงกรุงโรมของเปาโลไม่ได้มาในสภาพที่ปกติ เพราะท่านมายังกรุงโรมในฐานะของนักโทษ แต่กระนั้นท่านก็ยังเป็นพระพรและคริสตจักรที่นั่นก็ยังได้รับพระพรเพราะการมาถึงของท่านด้วย


                กระทำดีต่อกันและกัน (30-33)

                โรม 15-30
                เมื่อเปาโลวิงวอนพี่น้องคริสเตียนที่กรุงโรมให้อธิษฐานเพื่อท่าน เปาโลกำลังบอกว่าท่านต้องการให้คริสเตียนที่กรุงโรมเข้ามามีส่วนร่วมกับท่านในการประกาศข่าวประเสริฐ และท่านกระตุ้นให้พวกเขาเข้าร่วมในสงครามฝ่ายวิญญาณกับท่าน ไม่ว่าจะโดยการอธิษฐานหรือการสนับสนุน
                เปาโลดีใจอย่างยิ่งในการเดินทางครั้งนี้ ท่านภูมิใจในข่าวประเสริฐที่อยู่ในชีวิตของผู้เชื่อจำนวนมาก แต่ท่านก็มีความถ่อมใจพอที่จะตระหนักว่าการเดินทางไปโรมหรือสเปนจะเป็นจริงได้ก็โดยฤทธิ์เดชและการจัดเตรียมของพระเจ้าเท่านั้น
                เปาโลต้องการคำอธิษฐานจากพี่น้องคริสเตียนที่กรุงโรม เพราะท่านตระหนักถึงอันตรายที่ท่านอาจจะประสบในการเดินทางและท่านก็ไม่เคยลืมว่าก่อนหน้านี้พวกยิวหาทางที่จะฆ่าท่าน  (กจ.9-29-30)
                เมื่อคริสเตียนตระหนักถึงความรักของพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็จะมีแรงจูงใจในการอธิษฐานและการอธิษฐานของคริสเตียนก็เป็นช่องทางในการที่จะร่วมพันธกิจกับผู้อื่นนั่นเอง

                โรม 15-31
                เปาโลต้องการให้คริสเตียนในกรุงโรมอธิษฐานเผื่อท่านสองเรื่อง เรื่อแรกคือ “ให้พ้นจากมือของคนในประเทศยูเดียที่ไม่เชื่อ” เปาดลขอให้คริสเตียนในกรุงโรมอธิษฐานต่อพระเจ้าขอให้ท่านปลอดภัยจากพวกยิวในแคว้นยูเดียที่เป็นศัตรูต่อข่าวประเสริฐ (กจ. 21-10-11 / 23-14)
                อย่างที่สองคือ ให้คริสตจักรในกรุงโรมอธิษฐานให้การปรนนิบัติรับใช้ของเปาโลในกรุงเยรูซาเล็มจะ “เป็นที่พอใจแก่ธรรมิกชน” เปาโลต้องการให้เงินเรี่ยไรจากคริสตจักรต่างๆถูกจัดสรรอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องคริสเตียนที่กรุงเยรูซาเล็ม
                คำว่า “เป็นที่พอใจ” หมายถึงเป็นที่ยอมรับของพี่น้องคริสเตียนที่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยิว เพราะชาวยิวอาจจะตะขิดตะขวงใจที่จะรับเงินบริจาคของคนต่างชาติเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ ยิ่งกว่านั้นครั้งนี้เปาดลได้พาคริสเตียนต่างชาติซึ่งเป็นตัวแทนของคริสตจักรต่างๆร่วมเดินทางมากับท่านเพื่อมอบเงินบริจาคให้กับคริสเตียนที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย (1 คร 16-1-6 / กจ. 20-4)


                โรม 15-32-33
                ถ้าเป้าหมายในการเดินทางไปรับใช้พระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็มสำเร็จท่านก็จะไปหาพวกเขาตามชอบพระทัยพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดีและมีความเบิกบานแจ่มใส
                เปาโลปิดท้ายพระธรรมตอนนี้ด้วยคำสรรเสริญพระเจ้าสั้นๆว่า ขอพระเจ้าแห่งสันติสุขจงสถิตอยู่กับผู้ที่เปาโลเขียนจดหมายไปถึง แม้ว่าชีวิตของเปาโลจะเต็มไปด้วยความทุกขืยาก แต่ท่านตระหนักถึงสันติสุขที่มาจากพระเจ้า และท่านปราถนาให้ผู้ที่อ่านจดหมายของท่านได้ประสบกับสันติสุขดังกล่าวด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น