วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

1 โครินธ์บทที่ 5


            1 โครินธ์บทที่ 5

1 โครินธ์บทที่ 5-1-2

            บทที่ 5 และบทที่ 6 นี้จะพูดเจาะจงลึกลงไปในรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในคริสตจักรที่โครินธ์ครับผม เปาโลนั้นรักพี่น้องในคริสตจักรโครินธ์แต่เขาก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องลงวินัยพวกเขา ลงวินัยก็คือการลงโทษนั่นเองนะครับ เปาโลเขียนเกี่ยวกับปัญหาบางอย่างในคริสตจักร เช่นการที่พวกเขาไม่ได้ลงโทษพี่น้องที่ทำผิด ซึ่งในบทที่ 5 จะเน้นในเรื่องนี้ การแก้ไขความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างพี่น้องและการรักษาความบริสุทธิ์ทางเพศ ทั้งสองเรื่องหลังนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในบทที่ 6 ครับ

            เป็นเรื่องที่เปาโลเป็นห่วงมากก็คือเมื่อมีพี่น้องในคริสตจักรทำความผิดแต่คริสตจักรกลับไม่ได้ลงวินัยคนที่ทำผิดนั่น

            เช่นกันครับว่าเปาโลก็กลัวว่าพี่น้องจะติดนิสัยที่ไม่ดี ติดนิสัยที่เป็นความบาป เปาโลเตือนพี่น้องด้วยความรัก เพราะกลัวว่าถ้ายังติดวิสัยบาปอยู่แบบนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงแผ่นดินสวรรค์เลย ไม่มีทางได้ขึ้นแน่ๆ และที่สำคัญเลยก็คือคริสตจักรละเลยที่จะลงวินัยหรือตักเตือนพี่น้องนั่นเอง ทำไมคริสตจักรถึงได้ละเลยที่จะลงวินัยพี่น้องล่ะ เพราะความหยิ่งไง ความเย่อหยิ่งนั้นตรงกันข้ามกับความรัก ความเย่อหยิ่งมันทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว ความเย่อหยิ่งของคริสเตียนชาวโครินธ์ไม่ได้ทำให้เกิดการแตกแยกเท่านั้น แต่มันยังทำให้เกิดความเฉยชาและความเต็มใจที่จะลงวินัยเพื่อตักเตือนพี่น้อง

            แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในคริสตจักรโครินธ์ล่ะ ในข้อที่ 1 บอกว่า “มีคริสเตียนชาวโครินธ์คนหนึ่งล่วงประเวณีกับแม่เลี้ยงของตนเอง แค่คิดด้วยสามัญสำนึกทั่วๆไปของมนุษย์ก็ยังรู้เลยว่ามันเป็นความผิด แต่ว่านี้มันเป็นการกระทำที่เป็นเรื่องต้องห้ามในพระคัมภีร์เดิม (ลนต 18.18 / ฉธบ 22.22) ซึ่งข้อห้ามพวกนี้คริสเตียนน่าจะรู้ดีที่สุด แถมมันยังเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฏหมายโรมอีกด้วย เปาโลคงอยากจะถามว่า “นี่หรือคือคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นคริสเตียน เป็นสาวกของพระเจ้าน่ะ”

            แต่เรื่องน่าอายเช่นนี้ที่มีคนนึงไปล่วงประเวณีกับแม่เลี้ยงของตนเองไม่ได้ทำให้คริสเตียนในโครินธ์รู้สึกอะไรเลย เรื่องดังกล่าวนี้กลับทำให้พวกเขาเย่อหยิ่งมากขึ้น ทั้งๆที่การตอบสนองที่ถูกต้องควรจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทน เพราะในหนังสือกาลาเทียบทที่ 6-1-2 ได้กล่าวไว้ว่า (อ่าน) เพราะถ้าอวัยวะหนึ่งเจ็บ อวัยวะทุกส่วนของร่างกายก็เจ็บด้วย  ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทุกส่วนก็ร่วมฉลองด้วย ดังที่กล่าวไว้ใน 1 โครินธ์บทที่ 12-26

            และที่แน่ๆเลยก็คือควรที่จะลงวินัยคนนั้นโดยตัดเขาออกจากคริสตจักรจนกว่าเขาจะกลับใจ ดังที่ได้กล่าวไว้ในมัทธิวบทที่ 18-15-17

            1 โครินธ์บทที่ 5-3-5
            เมื่อคริสเตียนชาวโครินธ์เพิกเฉยกับเรื่องเช่นนี้ เปาโลจึงรู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะในฐานะที่เขาเป็นอัครทูตเขาจึงมีสิทธิตัดสินลงโทษผู้ที่ทำผิดได้ และเขาก็ขอให้คริสตจักรจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการประชุมครั้งต่อไป เปาโลต้องการให้ชายคนนี้ออกจากคริสตจักร ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการออกจากการปกป้องคุ้มครองของพระเจ้าที่เขาได้รับเพื่อให้เขาได้ออกไปสู่สนามสู้รบแห่งโลกนี้ที่ซาตานจะฆ่าเขา ซึ่งเหมือนกับในหนังสือ 1 ทิโมธีบทที่ 1-20 (อ่าน) และนี่ก็จะเป็นตัวอย่างที่เจ็บปวดของการเพิกเฉยที่เห็นแก่ตัว และบทเรียนที่เตือนสอนเรื่องความบริสุทธิ์ของพระวิหารแห่งพระเจ้า      

            อย่างไรก็ตามมันมีปัจจัยหลายประการที่อาจจะหมายถึงการลงวินัยแบบอื่นด้วย เราไม่แน่ใจว่าการลงวินัยแบบอื่นจะเป็นยังไง แต่ไม่ว่าจะเป็นการลงวินัยแบบไหนก็ตามล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายเดียวกันก็คือเพื่อรักษาความรอดของบุคคลนั้นไว้และเพื่อความบริสุทธิ์ของคริสเตียนผู้นั้นนั่นเอง

            1 โครินธ์บทที่ 5-6
            คริสเตียนในโครินธ์ไม่มีข้อแก้ตัวต่อพฤติกรรมที่น่าสมเพชของพวกเขา เปาโลเตือนพวกเขาถึงความจริงที่พวกเขารู้แล้วแต่ไม่ได้ทำตาม นั่นคือ “เชื้อขนมเพียงนิดเดียวย่อมทำให้แป้งดิบฟูทั้งก้อน”  เพราะโรคเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้คนตายได้ ดังนั้นคริสตจักรจึงจำเป็นต้องลงวินัยคนที่ทำผิดด้วยพื้นฐานเดียวกันนั้น ก่อนที่ความบาปมันจะลามไปทั่วคริสตจักร

            1 โครินธ์บทที่ 5-7-8
            เช่นเดียวกับที่ชาวยิวกำลังกำจัดเชื้อขนมออกจากบ้านในช่วงเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ (ถาม)ความบาปก็ควรที่จะถูกชำระออกจากพระนิเวศของพระเจ้าเช่นกัน

Matzah คือ ขนมปังไร้เชื้อในภาษาฮีบรู
เทศกาลขนมปังไร้เชื้อคืออะไร
อพยพ 12:15-20 และอพยพ 12:31-39 อธิบายถึงเทศกาลนี้อย่างชัดเจน
            ขณะที่เทศกาลปัสกาเป็นเทศกาลที่พระเจ้าประทานไว้ให้โดยเฉพาะเพื่อระลึกถึงภัยพิบัติของลูกหัวปี และการได้รอดพ้นจากพัยนั้นโดยความเชื่อวางใจในเลือดของลูกแกะปัสกา เทศกาลขนมปังไร้เชื้อก็เป็นเทศกาลที่พระเจ้าทรงประทานให้โดยเฉพาะเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์จริงของการอพยพ หรือ สภาพการณ์ที่คนอิสราเอลออกจากอียิปต์ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมจึงมีการฉลองเทศกาลนี้มาตลอดหลายชั่วอายุคน เพื่อจะระลึกถึงความรีบเร่งของการหนีออกมาจากอียิปต์นั่นเอง

เทศกาลขนมปังไร้เชื้อกระทำเมื่อใด
เลวีนิติ 23:6-8 เทศกาลนี้จัดขึ้นวันที่ 15 เดือน นิสาน คือวันหลังจากเทศกาลปัสกา 7 วัน เทศกาลนี้ฉลองร่วมกันกับปัสกาเพราะว่าเป็นเวลาที่ใกล้กันมาก

ผู้เชื่อในพระเยซูสามารถเรียนรู้อะไรจากเทศกาลขนมปังไร้เชื่อ

มี 3 สิ่ง ที่เราสามารถเรียนจากเทศกาลนี้ได้
1. เทศกาลขนมปังไร้เชื้อเปิดเผยถึงการพักผ่อนที่สมบูรณ์ในพระเยซู
ผู้เชื่อในพระเยซูต้องพักพิงอย่างเต็มที่พบพระราชกิจการไถ่อันสูงสุดของพระเยซูซึ่งทรงกระทำบนไม้กางเขนและไม่พยายามให้ได้มาซึ่งความรอดด้วยวิธีอื่นใด

ยิ่งกว่านั้น เทศกาลนี้เป็นช่วงเวลาการเฉลิมฉลอง 7 วัน ซึ่งพวกเขาจะกินแต่ขนมปังไร้เชื้อเท่านั้น เลขเจ็ดมีความหมายถึงความเต็มและความสมบูรณ์ เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการแยกอย่างเด็ดขาดจากสิ่งทั้งปวงที่มีเชื้อ เพื่อจะรับประทานจากพระเยซู ผู้ทรงเป็นอาหารแห่งชีวิต

2. เทศกาลขนมปังไร้เชื้อเปิดเผยถึงพระเมสสิยาห์ผู้ทรงทนทุกข์
ขนมปังไร้เชื้อนี้ (matzah) โดยตัวของมันเองเปิดเผยถึงพระเมสสิยาห์ใน 3 ด้าน
2.1 เปิดเผยถึง คำพยากรณ์ที่อ้างถึงพระเมสสิยาห์ว่าเป็นอาหารแห่งชีวิต
พระเยซูทรงบังเกิดในเบธเลเฮม คำนี้ หมายถึง บ้านขนมปัง ไม่น่าประหลาดใจเลยว่าตลอดการทำพันธกิจของพระเยซู พระองค์ทรงประกาศว่า เราเป็นอาหารแห่งชีวิต
· อับราฮัมถวายขนมปังไร้เชื้อ 3 ก้อน ให้แก่พระเจ้า (ปฐมกาล 18)
· อิสราเอลได้รับการเลี้ยงดูด้วยขนมปังจากสวรรค์ (มานา) เป็นเวลา 40 ปี (อพยพ 16)
· การถวายธัญบูชาด้วยแป้งผสมเชื้ออย่างดีกับน้ำผึ้ง ถูกห้ามไม่ให้นำไปอบ (เลวีนิติ 2)
· ในวิสุทธิสถานในพลับพลาของโมเสส มีขนมปัง 12 ก้อน สำหรับปุโรหิตวางอยู่บนโต๊ะ
ขนมปังหน้าพระพักตร์
·         ทูตสวรรค์ของพระเจ้ายอมรับการถวายเครื่องบูชาด้วยขนมปังไร้เชื้อของกิเดโอน
 ขนมปังแห่งการทนทุกข์” ( ฉธบ. 16:3 ) พระเยซูได้ถูกเปิดเผยไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ ในพระคัมภีร์ใหม่ เราเห็นพระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิต ดังที่กล่าวกันว่า พระคัมภีร์เดิมถูกเปิดเผยในพระคัมภีร์ใหม่

2.2 เปิดเผยถึงการทำให้คำพยากรณ์เรื่องพระเมสสิยาห์สำเร็จ
นับจากการโบราณ ขนมปังนั้นจะนำไปปิ้งบนเตาปิ้ง ซึ่งทำให้ขนมปังเกิดรอยเป็นลายทาง โดยรอยแผลเฆี่ยนของพระองค์ทรงรักษาเราให้หาย” (อสย. 53:5) และเนื่องจากเป็นขนมปังกรอบ จึงใช้ของแหลมแทง เพื่อจะไม่ให้เกิดฟองอากาศและแตกออก การทำเช่นนี้ทำให้ระลึกถึงพระคำ อิสยาห์ 53:3 ด้วยว่า พระองค์ทรงถูกแทงเพื่อการล่วงละเมิดของเราทั้งหลาย
ในยุคสุดท้าย คนยิว จะมองดูพระองค์ผู้ที่เราได้แทง และร้องไห้คร่ำครวญเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาและปรากฎพระองค์ต่อโลก (ศคย. 12:10 และ ยอห์น 19:37)

3. เทศกาลขนมปังไร้เชื้อเปิดเผยให้เราเห็นความจำเป็นที่เราต้องกำจัดเชื้อที่อยู่ภายในเรา
ขนมปังไร้เชื้อในการถวายของปุโรหิตเพื่องานการปรนนิบัติ (เลวีนิติ 8:2,26; อพย. 29:2,23) และร่วมกับการปฏิญาณตนแยกตัวเป็นนาคีร์ (กันดารวิถี 18:1-12)
เชื้อเป็นสัญลักษณ์ถึงความเสื่อมทรามทางศีลธรรม เพราะแป้งชิ้นเล็ก ๆ ที่หมักเชื้อไว้ สามารถทำให้แป้งทั้งหมดเสียไปได้

พระเยซูและเปาโลกล่าวถึงเชื้อ 5 ชนิดที่เราต้องหลีกเลี่ยงเพื่อเราจะเป็นคนที่แยกตัวถวายแด่พระเจ้าได้
1. เชื้อของเฮโรด (มาระโก 8:15 ; 6:14-28) วิถีของโลก
2. เชื้อของพวกฟาริสี (มัทธิว 16:6-12 ; ลูกา 12:1) ความหน้าซื่อใจคด
3. เชื้อของพวกสะดูสี (มัทธิว 16:6-12) ความไม่เชื่อ
4. เชื้อของพวกโครินธ์ (1 คร. 5:1-13) การทำตามความปรารถนาของเนื้อหนัง
5. เชื้อของพวกกาละเทีย (กาละเทีย 5:9) การถือกฎบัญญัติเกินควร

            1 โครินธ์บทที่  5-9-10-11
            เปาโลเรียกร้องให้คริสตจักรลงโทษคนภายใน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องคริสเตียนหรือคนที่มีส่วนในคริสตจักร การลงวินัยคนเช่นนี้คือการที่สมาชิกไม่คบหาเขา เช่น ไม่ให้เขาเข้าร่วมพิธีมหาสนิท เพราะเชื่อว่าคนที่ทำผิดอาจจะยังมาร่วมประชุมคริสตจักรอยู่ แต่เขาจะรู้สึกผิดและกลับใจ

            1 โครินธ์บทที่  5-12-13
            ไม่ใช่หน้าที่ของเปาโลที่จะไปตัดสินลงโทษคนภายนอกคริสตจักร เพราะถ้าสังเกตุให้ดีตั้งแต่ข้อ 1-13 นี้ เปาโลไม่ได้พูดถึงการลงโทษสำหรับผู้หญิงเลย ทำให้เราสามารถเดาได้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นคริสเตียนนั่นเอง คริสเตียนในโครินธ์เองก็ไม่มีสิทธ์ที่จะทำเช่นนั้น เพราะการลงวินัยภายในคริสตจักรเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา และพระเจ้าจะตัดสินลงโทษคนภายนอก โดยให้ชายผู้หนึ่งที่พระองค์ทรงแต่งตั้งซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์เจ้า (กิจการ 17-31) แต่คนที่อยู่ในคริสตจักรแล้วยังทำบาปอย่างต่อเนื่องและไม่กลับใจนั้น คริสตจักรต้องไม่คบหากับเขา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น